การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด มาตรการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกรุงเทพมหานครซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับอาคารต่างๆ มุ่งเน้นไปที่การแนะนำการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานทดแทน ซึ่งการกำหนดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสถานการณ์การดำเนินการปกติ (BAU) เช่นเดียวกับการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแผนแม่บทฯ จะสอดคล้องกับแผน EEDP และ แผน AEDP ซึ่งรวมอยู่ในแผน NAMA ของประเทศไทยที่ส่งไปยัง UNFCCC ทั้งนี้ การดำเนินการที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ได้พยายามผลักดันมาตรการประหยัดพลังงานในอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ในกำกับของกรุงเทพมหานคร ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามแผนแม่บทฯ จึงควรส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมมาตรการด้านการใช้พลังงาน หมุนเวียน รวมถึงการส่งเสริมให้บุคลากรของหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในกำกับดูแลของกรุงเทพมหานครได้แก่ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ เจ้าของอาคารเอกชนและผู้ประกอบการธุรกิจ สำหรับการคาดการณ์ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานทางเลือก ภายใต้แผนแม่บทกรุงเทพฯ พบว่า หากเป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่มีการดำเนินการใดๆ (Business as Usual: BAU)  เพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะเพิ่มขึ้นจาก 25.601 MtCO₂e ในปี พ.ศ. 2556 ไปเป็น 30.94 MtCO₂e ในปี พ.ศ. 2563 อย่างไรก็ตาม หากมีการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ คาดว่าจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 26.85 MtCO₂e ในปี พ.ศ. 2563 หรือคิดเป็นการลดลงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 13.22 และหากเปรียบเทียบผลจากการทบทวนการดำเนินงานแบบองค์รวม (Comprehensive Review) ในปัจจุบัน (ระหว่างปี พ.ศ. 2556-2559) พบว่า มีปริมาณการปล่อยก๊าซอยู่ที่ 25.81 MtCO₂e ในปี พ.ศ. 2559 เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสถานการณ์ที่ไม่มีการดำเนินการใดๆ (Business as Usual: BAU) ที่ 26.52 MtCO₂e